เส้นทาง R3A ถือเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้จากไทยไปจีนที่มีศักยภาพสูง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในจังหวัดภาคเหนือของไทยและผู้ประกอบการในจีนตอนใต้ เนื่องจากใช้เวลาขนส่งสินค้าเพียง 4-5 วัน ก็ถึงประเทศปลายทาง เร็วกว่าการขนส่งทางเรือที่ใช้เวลานาน 8-10 วัน ทำให้ส่งผลไม้ต้นฤดูเข้าตลาดได้อย่างรวดเร็วและได้ราคาดี ช่วยแก้ปัญหาการกดราคาผลไม้จากพ่อค้าคนกลางที่ตลาดเจียงหนานได้

แต่ขณะนี้การขนส่งบนเส้นทาง R3A มีปัญหาและอุปสรรคบางประการที่ขัดขวางไม่ให้เส้นทางขนส่งนี้ถูกใช้เต็มขีดความสามารถ โดยตามความตกลงทวิภาคีไทย-จีน ภายใต้พิธีสารการนำเข้าและส่งออกผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยและจีน ไม่รวมถึงลาวในฐานะประเทศทางผ่านของเส้นทาง R3A ทางลาวจึงไม่อนุญาตให้รถขนส่งสินค้าไทยหรือจีนผ่านลาวเข้าสู่อีกประเทศได้โดยตรง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องถ่ายสินค้าจากรถของฝ่ายหนึ่งไปยังรถของอีกฝ่าย ที่มารอรับสินค้าอยู่บริเวณจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า ณ ด่านบ่อเต็นของลาว ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูงขึ้น เที่ยวละ 2,000-3,000 หยวน หรือประมาณ 10,000-15,000 บาท และมีต้นทุนการถ่ายสินค้าที่เป็นพื้นที่ของเอกชน ซึ่งมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย 3,000 บาท/คัน ทั้งยังเสียเวลาในการขนถ่ายสินค้า 2-3 ชั่วโมง และอาจกระทบต่อคุณภาพสินค้า ทำให้ผลไม้เกิดความบอบช้ำเสียหายระหว่างขนถ่ายสินค้าได้

“ปัจจุบัน ประเทศไทย ลาวและจีน ได้พยายามเร่งผลักดันการจัดทำบันทึกความเข้าใจ 3 ฝ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งข้ามพรมแดนบนเส้นทาง R3A โดยเร่งการให้สัตยาบันพิธีสารแนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS CBTA) ซึ่งหากทั้ง 3 ประเทศ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน จะทำให้รถขนส่งสินค้าสามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้เลย จะช่วยแก้ปัญหาการขนถ่ายสินค้าบริเวณด่านบ่อเต็นของลาวได้ ซึ่งเชื่อว่า ปริมาณการค้าและส่งออกผลไม้ไทยบนเส้นทาง R3A ผ่านด่านโม่หานเข้าสู่จีนจะเติบโตและขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมาก” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

ทางด้าน คุณธีระ รัตนพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเส้นทาง R3A จากไทยไปจีนเปิดใช้ ส่งผลให้ปริมาณและมูลค่าการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนผ่านเส้นทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากปี 2553 มีปริมาณส่งออก 12,234 ตัน มูลค่า 198.6 ล้านบาท ในปี 2556 ส่งออกเพิ่มเป็น 112,585 ตัน มูลค่ากว่า 1,564 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะต้องมีการขนถ่ายสินค้าที่ด่านบ่อเต็นของลาว แต่ผู้ประกอบการของไทยไม่ได้มองว่า การเปิดตู้สินค้าที่ด่านบ่อเต็นเป็นปัญหาต่อการส่งออกผลไม้ไทย ส่วนใหญ่มีการปรับตัวและร่วมมือกับผู้ประกอบการของจีนอย่างดี โดยสามารถจับคู่ขนถ่ายสินค้าระหว่างกัน โดยรถของไทยสามารถขนส่งผักและผลไม้เมืองหนาวจากยูนนานกลับมายังไทย ซึ่งไม่ต้องตีรถว่างกลับมา

“กรณีการตัดผนึก (SEAL) และเปิดตู้ขนส่งสินค้าที่ด่านบ่อเต็น ไทยและจีนรับทราบถึงปัญหาดังกล่าว และมีแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย คือรถขนส่งผลไม้ไทยสามารถนำใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) ที่ออกโดยด่านตรวจพืชเชียงของ และ SEAL ที่ถูกตัดไปยื่นต่อสำนักงานควบคุมตรวจสอบและกักกันโรคที่ด่านโม่ห่านของจีนได้ ซึ่งไม่มีปีญหา สำหรับเส้นทาง R3A นี้ ถือว่าเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หากประเทศลาวยอมให้ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้ คาดว่าจะทำให้การส่งออกผลไม้ไทยเกิดความคล่องตัวและเติบโตขึ้นมาก”